ภูมิแพ้อาหารแฝง FOOD INTOLERANCE คืออะไร
หนึ่งในโรคที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักหรือคุ้นชินกันดีนักกับ โรคภูมิแพ้อาหารแฝง เกินครึ่งของประชากรโลกป่วยเป็นโรคภูมิแพ้อาหารแฝงและมักไม่รู้ตัวว่ามีภาวะนี้อยู่เนื่องจากอาการแพ้มักเกิดได้หลากหลายอาการไม่จำเพาะเจาะจงและไม่ได้เกิดโดยทันที แต่ส่วนใหญ่มีอาการเรื้อรัง ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงของอาการนั้นๆ เช่น คัดจมูก ไอ จาม ท้องเสีย ปวดหัว อาการบวมน้ำ ลดน้ำหนักไม่ลง สิวเรื้อรัง หรือการอักเสบของชั้นใต้ผิวหนังในบริเวณต่างๆ
กลไกของการแพ้อาหารแบบแฝง
ภูมิแพ้แฝงเกิดขึ้นได้อย่างไร
หากเรายังทานอาหารเหล่านั้นอยู่ ร่างกายจะถูกกระตุ้นอยู่เรื่อยๆส่งผลกระทบต่อระบบภูมิต้านทาน เกิดกระบวนการอักเสบ ขึ้นอยู่กับว่าการอักเสบจะเกิดกับอวัยวะใด เช่น
- ถ้าเกิดการอักเสบที่เส้นเลือด จะทำให้เส้นเลือดบวม ความดันโลหิตสูง
- ถ้าเกิดการอักเสบที่สมอง อาจให้นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน อัลไซเมอร์ พาร์กินสัน
- ถ้าเกิดการอักเสบที่บริเวณข้อ จะทำให้ปวดตามข้อ ปวดกระดูก เป็นรูมาตอยด์ SLE
- ถ้าเกิดการอักเสบที่ผิวหนัง จะทำให้เกิดผดผื่นคัน สิว แผลในปากเรื้อรัง
จะเห็นได้ว่า โรคเรื้อรังต่างๆที่เกิดขึ้น มักมีโรคลำไส้รั่วซึมเป็นสาเหตุที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น การตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง (Food Intolerance Test) จึงมีความจำเป็นสำหรับการตรวจวินิจฉัยสำหรับกลุ่มโรคเรื้อรังและอาการเจ็บป่วยอื่นๆที่ไม่ทราบสาเหตุ ไม่ใช่เฉพาะผู้ที่มีปัญหาภูมิแพ้เท่านั้น
การตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง (Food Intolerance test) สามารถตรวจการแพ้อาหารได้ 222 ชนิด ครอบคลุมอาหารที่รับประทานเป็นประจำ ใช้วิธีการ
เจาะเลือด โดยไม่ต้องงดน้ำงดอาหาร ผลการตรวจจะแสดงระดับสีของการแพ้ ออกเป็น 3 ระดับ คือ
1. สีแดง : แพ้ระดับรุนแรง ควรงดรับประทานอย่างน้อย 3 6 เดือน
2.สีเหลือง : แพ้ระดับปานกลาง ควรลดปริมาณหรือรับประทานไม่เกิน 1 ครั้ง/สัปดาห์
3.สีเขียว : ไม่มีอาการแพ้ สามารถรับประทานได้ตามปกติ